วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตในรั้วมหาลัย(Part 1)

เก่งด้วย เท่ด้วย แนวด้วย ต้องเด็กสถาปัตย์ !


รุ่นพี่ คนที่ 1 นิติพันธุ์ แก้วสุวรรณ์ (นิก)
นิสิตชั้นปีที่2 ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พี่เป้ : แนะนำตัวหน่อยสิคะ?
พี่นิก : สวัสดีครับ นิติพันธุ์ แก้วสุวรรณ์ (นิก) นิสิตชั้นปีที่2 ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
พี่เป้ : ทำไมถึงสนใจเรียนภูมิสถาปัตยกรรมล่ะคะ?
พี่นิก : เพราะได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ออกแบบธรรมชาติให้กลมกลืนและสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น ออกแบบให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับชีวิต และได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วยนะครับ และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ภูมิสถาปนิกก็เป็นที่ต้องการมากในต่างประเทศ ถือว่าเป็นภาควิชาที่กำลังรุ่งเลยครับ
พี่เป้ : แล้วตอนแอดมิชชั่นมีวิธีเตรียมตัวยังไงบ้างคะ?
พี่นิก : ก็ตั้งใจเรียนในห้องครับ เพราะสอบแค่ O-NET แล้วก็ A-NET เฉพาะวิชาความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ต้องฝึกวาดรูปกันนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องเปิดหูเปิดตาให้มากๆ แหละครับ ดูงานออกแบบใหม่ๆ แล้วก็ที่สำคัญ ก็เรียนรู้การเรียนของพี่ๆ ในคณะว่าต้องเตรียมพร้อมยังไง แต่ปกติที่คณะก็จะมีการเปิดติวความถนัดทางสถาปัตยกรรมให้น้องๆ มัธยม ซึ่งก็จะมีอีกรอบตอนประมาณเดือนมีนาคมครับ น้องๆมัธยมที่สนใจก็ติดตามข่าวกันนะครับ ส่วนเรื่องคะแนนก็ประมาณเจ็ดพันนิดๆ ครับ ได้คะแนน O-NETช่วยไว้
พี่เป้ : ตอนนั้นได้เตรียมพอร์ทฟอลิโอไว้มั้ยคะ?
พี่นิก : ก็มีพอสมควรครับ เพราะเป็นคนชอบทำกิจกรรม แต่ว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ใช้ครับ เพราะตอนปีนั้นคณะยังไม่มีสอบตรง แต่ก็สำหรับน้องๆ มัธยมตอนนี้ก็ควรจะต้องเตรียมไว้กันบ้างนะครับ เพราะอนาคตไม่แน่นอน เดี๋ยวระบบการศึกษาจะเปลี่ยนกันอีก เตรียมพร้อมไว้ดีกว่า
พี่เป้ : พอเข้ามาเรียนจริงๆ ต่างกับที่คิดไว้ตอนแรกมั้ยคะ?
พี่นิก : ต่างมากเลยครับ เพราะเราไม่ได้เรียนแค่การออกแบบอย่างเดียว ยังต้องเรียนโครงสร้างของอาคารรวมทั้งระบบงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยครับ ต้องมีการเขียนแบบที่ต้องใช้ความละเอียดมากๆ เลยครับ ได้เรียนรู้การออกแบบที่มีหลักการมากขึ้น ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกอย่างเดียว เรียนวาดรูปแบบจริงจัง ไม่ใช่วาดการ์ตูนเหมือนตอนมัธยม และอีกหลายๆ อย่างที่ต้องปรับตัวกันแทบทั้งหมดเลยครับ แต่พอได้เรียนแล้วก็เหมือนว่าเราได้เปลี่ยนมุมมองใหม่ ที่เขาไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ
พี่เป้ : สังคมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่จุฬาฯ เป็นยังไงบ้าง?
พี่นิก : สังคมก็ดีมากเลยครับ ทุกคนช่วยเหลือกันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องหรือเพื่อนๆ มีกิจกรรมให้ได้รู้จักและสนิทกัน เวลาทำงานก็จะมีพี่ๆ คอยมาช่วยสอน เพื่อนๆก็ช่วยกันดีมากเลยครับ มีกิจกรรมรับน้องที่สืบทอดกันมาหลายสิบปีและเรียกได้ว่าการรับน้องของคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ มีเอกลักษณ์ของคณะเราที่ทำให้ประทับใจมากๆ และได้เล่นกีฬารักบี้ซึ่งเป็นกีฬาประจำคณะ และยังมีละครสถาปัตย์(ละคอนถาปัด)ที่ทำให้ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์แบบสุดๆ ได้รู้จักรุ่นพี่เก่าๆ และคงเป็นอีกเหตุผลที่ว่าเรียนสถาปัตย์ จุฬาฯ นี้แล้วไปเป็นดารานักร้องกันหมด
พี่เป้ : แล้วนิกคิดว่าจุดเด่นของภูมิสถาปัตยกรรมคืออะไรคะ ?
พี่นิก : ก็คงจะเป็นการออกแบบสิ่งต่างๆ ให้มนุษย์และธรรมชาติอยู่รวมกันได้ โดยที่มนุษย์ไม่ทำลายธรรมชาติครับ
พี่เป้ : ลองเล่าถึงวิชาที่โหดๆ สัก 1 วิชาให้ฟังหน่อย ว่าโหดแค่ไหน?
พี่นิก : จริงๆ แล้วก็มีหลายวิชานะครับ 555+ แต่ที่เหนื่อยกันสุดๆ คงจะเป็นวิชา CONSTRUCTION หรือวิชาโครงสร้างครับ เพราะต้องเรียนรู้งานต่างๆ ไม่ใช่แค่งานออกแบบอย่างเดียว แต่ต้องรู้การรับแรงของโครงสร้าง รู้ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ของอาคาร และระบบอื่นๆ ในการก่อสร้างเหมือนเราเป็นช่างก่อสร้างเอง และยังต้องเขียนแบบงานทั้งหมดออกมาซึ่งละเอียดมากๆ ตั้งแต่หลังคาลงไปถึงเสาเข็มเลยครับ

พี่เป้ : แล้วเรียนคณะสถาปัตย์ควรถนัดวิชาอะไรเป็นพิเศษบ้างคะ?
พี่นิก : จริงๆ แล้วก็ควรจะต้องรอบรู้ทุกวิชานะครับ เพราะสถาปนิกต้องออกแบบสิ่งต่างๆ ให้กับคนหลากหลายอาชีพ เช่นถ้าออกแบบโรงพยาบาลก็ต้องรู้จักวิถีชีวิตของคุณหมอ แต่ที่สำคัญก็คงต้องมีพื้นฐานฟิสิกส์อยู่พอสมควรครับ รวมไปถึงภาษาอังกฤษที่เราจะต้องค้นคว้างานออกแบบหรือบทความจากต่างประเทศ แต่ก็ควรที่จะถนัดทุกวิชานะครับ เรียกว่าต้องเป็นคนที่รอบรู้ดีกว่าครับ
พี่เป้ : แล้วจบไปอยากทำงานอะไรคะ?พี่นิก : อยากเป็นภูมิสถาปนิกครับ อยากออกแบบให้ธรรมชาติอยู่ในกรุงเทพฯ เยอะๆ ให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่สีเขียวให้ได้มากที่สุด คงจะช่วยทำให้กรุงเทพฯ มีอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้นบ้างครับ
พี่เป้ : ช่วยฝากถึงน้องๆ ที่อยากเข้าคณะนี้หน่อยค่ะ
พี่นิก : ก็อยากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนนะครับอ่านหนังสือเยอะๆ ฝึกวาดรูปกันบ้าง เห็นอะไรที่ชอบก็หยิบดินสอออกมาวาดเลยครับ วาดกันง่ายๆ แบบที่ตาเห็น แล้วก็ลองดูงานออกแบบต่างๆ เปิดหูเปิดตาเยอะๆ ฝึกที่จะเป็นคนช่างสังเกตในรายละเอียดต่างๆ และที่สำคัญลองค้นหาตัวเองให้ดีนะครับว่าเราอยากเรียนสถาปัตย์จริงรึเปล่าหรือว่าแค่ตามกระแส เพราะเป็นถ้าไม่ใช่ตัวตนของน้องๆ เองก็คงต้องเรียนกันเหนื่อยเลยครับ แต่ถ้าใช่ตัวตนของน้องจริงๆ คณะนี้ก็เป็นคณะที่มีความสุขที่สุดเลยครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น